‘อุปกิต ปาจรียางกูร’ รับรู้จักนายหน้าค้าอาวุธเมียนมาจริง ปัดเอี่ยวยาเสพติด

‘อุปกิต ปาจรียางกูร’ รับรู้จักนายหน้าค้าอาวุธเมียนมาจริง ปัดเอี่ยวยาเสพติด

อุปกิต ปาจรียางกูร ยอมรับรู้จักนายหน้าค้าอาวุธเมียนมาที่ถูกจับที่ไทยจริง คุยติดต่อธุรกิจหลายปี ปัดเอี่ยวปมยาเสพติด นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์หลังถูกเชื่อมโยงกับ มิน ลัต นายหน้าค้าอาวุธให้กองทัพเมียนมา ที่ถูกจับกุมในประเทศไทยข้อหายาเสพติดและฟอกเงิน ยืนยันว่าไม่ได้มีอะไร รู้จักกันจริง แต่ไม่ได้มีเรื่องยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง

นายอุปกิต ระบุว่า นายทุน มิน ลัต เข้าไปทำธุรกิจค้าขายไฟระหว่างท่าขี้เหล็กกับแม่สาย 

ซึ่งเป็นธุรกิจสุจริต โดยตนรู้จักกับบุคคลดังกล่าวมาเป็น 10 ปีแล้ว เพราะมินลัตเป็นนักธุรกิจใหญ่ในเมียนมา สนิทกันจริง ทำธุรกิจด้วยกันมา 10 ปี ยืนยันไม่เคยเกี่ยวเรื่องนี้ “ข่าวที่ออกมาผมเห็นแล้วก็ตกใจ เหมือนกับมาพาดพิงถึงผม จึงต้องมาตอบคำถามของสื่อมวลชนทั้งหมด ผมเคยเป็นเจ้าของโรงแรมที่ท่าขี้เหล็ก ไม่เคยปิดบัง ผมพูดมาตลอดว่าเคยเป็นเจ้าของโรงแรมนี้อยู่ฝั่งท่าขี้เหล็ก ทำธุรกิจมาด้วยความสุจริตตลอดไม่เคยไปยุ่งเกี่ยว หรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติด สมัยก่อนไม่ใช่เป็นธุรกิจเดียวที่ผมทำก่อนที่จะมาเมืองไทย เมื่อก่อนผมเป็นข้าราชการอยู่กระทรวงต่างประเทศ แล้วลาออกตอนอายุ 30 กว่า ไปทำธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งโรงแรมเป็นหนึ่งในธุรกิจของผม และตอนหลัง 8-9 ปีที่แล้ว ผมเข้ามาลึกซึ้งกับพระพุทธศาสนา จึงไม่อยากไปยุ่งอะไรที่เกี่ยวกับชายแดนแล้ว ผมจึงเข้ามากรุงเทพฯและมาเริ่มทำบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ และไม่เคยเหยียบขาเข้าไปเลย 8-9 ปี ผมมาเรียนวปอ. หลังจากนั้นก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ส.ว.”

“ปัญหาเกิดขึ้นตอนที่ด่านปิดเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ซึ่งตนก็เคยร่วมทำธุรกิจไฟกับเขา โดยปกติตอนที่ด่านเปิด การไฟฟ้าพม่าจะเอาเงินสดมาให้เราที่โรงแรม แล้วเอาข้ามด่านมาธนาคารกสิกรไทย เพราะการไฟฟ้าภูมิภาคไม่รับเงินสดเนื่องจากไม่มีพนักงานนับเงิน และกลัวธนบัตรปลอม และชายแดนใช้เงินบาท เราจึงเอาเงินเข้าแบงค์เพื่อออกเป็นแคชเชียร์เช็ค จ่ายให้กับการไฟฟ้า ซึ่งเป็นอย่างนี้มาหลายปีจนด่านปิด ก็เกิดปัญหาเพราะตนก็เลิกธุรกิจหมดแล้ว แต่นายทุน มิน ลัต รับทำต่อ เขาไม่รู้ว่าจะเอาเงินมาจ่ายให้การไฟฟ้าอย่างไร จึงฝากคนโอน”

“ในกรณีนี้อาจจะไปเกี่ยวพันกับคนส่งเงิน ยกตัวอย่างกรณีมีร้านอาหารวันดีคืนดี มีพ่อค้ายาเสพติดมาทานข้าว แล้วเอาเงินขายยามาจ่าย อย่างนี้ต้องมาจับเจ้าของร้านด้วยหรือไม่ เขาจะรู้หรือไม่ จึงต้องให้ความเป็นธรรมว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนพม่า คนที่ใกล้ชิดกับผู้นำ คนที่สถานทูตเขารับประกันว่าไม่มีประวัติด่างพร้อย อายุตั้ง 50 กว่าแล้ว เพราะถ้าทำเรื่องยาเสพติดก็ต้องมีประวัติอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ไม่มีลิ๊งค์เกี่ยวกับยาเลย มีแต่เรื่องโอนเงินเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมด”

“ตนอ่านพบอีกว่าเป็นพ่อค้าอาวุธกลายเป็นยักษ์เป็นมาร ทั้งที่เขาเป็นตัวแทนประเทศอิสราเอลในการขายยุทโธปกรณ์ เท่าที่ทราบเขาเป็นตัวแทนอย่างถูกต้องขายให้รัฐบาลพม่า นี่คือธุรกิจที่เขาทำ และเขาจะมาปักหลักทำธุรกิจไฟฟ้าที่เมืองไทย เขามีเงินทองและทรัพย์สินที่โอนมาจากต่างประเทศ สามารถพิสูจน์ที่มาที่ไปทั้งหมดได้ และเขาเพิ่งซื้อคอนโดเพราะเตรียมที่จะมาอยู่ไทย ตอนนี้ก็โดนยึดหมด คิดว่าเป็นเรื่องของคดีที่เขาต้องพิสูจน์กับศาล” นายอุปกิต พร้อมยืนยันว่า ตนได้ติดต่อกับนายทุน มิน ลัต มาตลอด เพราะรู้จักกันมา 20 กว่าปี ยืนยันว่าไม่ได้ขายอาวุธเถื่อนและไม่ได้ยุ่งเกี่ยวยาเสพติดแน่นอน แต่ไม่มั่นใจเรื่องความเชื่อมโยงระบบโอนเงิน

‘ประวิตร’ ห่วง ปชช. สั่งเร่งทุกหน่วยงานคุม สารเคมีรั่วนครปฐม

ประวิตร เป็นห่วงประชาชนได้รับผลกระทบ สารเคมีรั่วนครปฐม สั่งทุกหน่วยงานเร่งควบคุมสถานการณ์ วอนทำตามคำสั่งหน่วยงานของรัฐบาล นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ห่วงประชาชนถึงกรณีสารเคมีรั่วนครปฐม ที่มีรายงานว่าประชาชนในพื้นที่และได้บริเวณใกล้เคียงได้รับผลกระทบ และมีความเสี่ยงที่เกิดปัญหาสุขภาพหากสูดสารเคมีเข้าไป ดังที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้

ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง อยู่ระหว่างการตรวจสอบประเภทสารเคมี อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นขอให้ประชาชนปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทางการ คือ ให้หลีกเลี่ยงการออกนอกอาคาร ไม่อยู่ในที่โล่งแจ้ง สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพื่อป้องกันระบบทางเดินหายใจ

เนื่องจากโรงงานนี้เป็นโรงงานประเภทฟอกย้อมมี copper sulfate หรือสารประกอบที่มีผลทำให้ระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ หรือหากมีการรวมตัวกับน้ำเกิดเป็นกรดแล้วหายใจไอกรดเข้าไปจะเป็นอันตรายเช่นกัน ทั้งนี้ หากประชาชนมีอาการผิดปกติทางร่างกายควรรีบพบแพทย์เพื่อประเมินอาการ

“รองนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง ทั้งกรมควบคุมมลพิษ กรมโรงงานอุตสาหกรรม ประสานงานกับผู้ประกอบการ และหน่วยงานท้องถิ่นในการดูแลแก้ไขปัญหาให้เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว และให้ตรวจสอบอย่างเข้มงวดว่าเหตุที่เกิดขึ้นดังกล่าวมาจากข้อบกพร่องของระบบหรือของผู้ปฏิบัติงาน โดยให้ดำเนินการตามข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด เนื่องจากการประกอบการของโรงงานจะต้องมีความเข้มงวดป้องกันผลกระทบในวงกว้างต่อประชาชน นอกจากนี้ ขอให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขออกคำแนะนำ ทั้งข้อปฏิบัติ วิธีการรักษากรณีเกิดอาการผิดปกติทางร่างกายขึ้น”

“ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษรายงานในเบื้องต้นว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุรั่วไหลของน้ำมันถ่ายเทความร้อน โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 6.15 น. ทางผู้ประกอบการได้แก้ไขแล้วแต่กลิ่นส่งผลกระทบในวงกว้าง ซึ่งกรมควบคุมมลพิษได้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันถ่ายเทความร้อนให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยสารเคมีที่เข้าพื้นที่รับทราบแล้วหลังจากนี้จะมีการแจ้งผลการตรวจสอบให้ทราบต่อไป” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป