จากกรณที่ น.ส.ฌัชฌรี อยู่ฤกษ์ นักศึกษาไทยในเกาหลีใต้ ได้ทวีตข้อความและภาพวีดิโอเผยบรรยากาศในห้องพักที่รูมเมทร่วมห้องใช้ชีวิตติดเตียงจนกลิ่นเหม็นไปทั่วห้อง ล่าสุดได้มีรายงานเพิ่มเติมจากทาง น.ส.ฌัชฌรี ที่เปิดเผยว่า ตนมาอยู่ที่เกาหลีได้ราว 1 ปี ย้ายมาบ้านหลังดังกล่าวไป 5 เดือน
บ้านหลังดังกล่าวมีห้องนอน 3 ห้อง โดยมีห้องแบบ 2 คน 2 ห้อง และ 3 คน 1 ห้อง
ซึ่งห้องตนเป็นห้องนอนใหญ่ มีผู้อาศัย 3 คน ภายในบ้านมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้ทั้งหมด ค่าเช่าเดือนละ 20,000 บาท รูมเมทของตนย้ายมาอาศัยทีหลังตน โดยย้ายมาราว 3 เดือน เป็นหญิงชาวสหรัฐอเมริกา มาในฐานะเป็นคนที่ชื่นชอบศิลปินเกาหลี จึงต้องการมาอยู่ในประเทศที่เป็นเจ้าของผลงาน ตอนแรกที่รูมเมทคนนี้ย้ายมา ทุกอย่างเป็นปกติ ตนยังดีใจที่ได้เพื่อนเป็นคนอเมริกา เพราะจะได้เรียนรู้ภาษา แต่ไม่นานรูมเมทคนนี้ก็เริ่มมีความแปลก คือเมื่อมาถึงสิ่งแรกที่ทำคือนอนบนเตียง กระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ไม่มีการเปิด และวางไว้ข้างเตียงอยู่แบบนั้น
จนกระทั่งผ่านไป 3 วัน ตนเริ่มสงสัยว่าเขาไม่อาบน้ำเลยหรือ ส่วนตัวก็เข้าใจว่าอาจจะเกิดภาวะปรับตัว แต่ช่วงที่รูมเมทมาอาศัยอยู่ อากาศที่เกาหลีร้อนมาก เขาก็ยังไม่อาบน้ำ โดยตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา ตนเห็นรูมเมทคนนี้อาบน้ำไม่ถึง 3 ครั้ง
ส่วนใหญ่รูมเมทรายนี้จะนอนอยู่บนที่นอน จะลุกออกจากเตียงคือเวลาไปเข้าห้องน้ำ กับกินข้าว ส่วนเรื่องกลิ่นนั้น เริ่มมีหลังจากรูมเมทคนนี้ย้ายเข้ามาได้เพียง 2 เดือน ซึ่งตอนนี้ตนต้องซื้อยาดมจากไทยมาเป็น 10 หลอด ใช้จนกลิ่นหมด ตอนนี้เหลือเพียง 1 หลอด เพราะกลิ่นรุนแรงมาก มีกลิ่นฉี่ผสมกลิ่นตัว ผสมกลิ่นหมักหมม คล้ายกับกลิ่นคอกม้าคอกหมู เหมือนอยู่ในถ้ำ
ข้างเตียงของรูมเมทก็กองทุกอย่างเอาไว้ ทั้งเสื้อผ้า ของกิน ที่พีคสุดคือตนเคยนำเค้กมาวางเป็นส่วนกลางของบ้าน ให้เพื่อนๆ ได้กิน แต่รูมเมทคนนี้ก็เอาเค้กไปกินทั้งหมด แล้วนำมาวางไว้ใต้เตียงจนมีกลิ่นบูด ตนเคยพยายามเก็บของเน่าที่เตียงมาล้าง รูมเมทก็ต่อว่าตน ทำนองว่าไปยุ่งกับของของเขา
รูมเมทคนนี้ กลิ่นฉี่รุนแรงมาก รุนแรงถึงขั้นที่ได้กลิ่นแล้วรู้สึกขมคอ จนไม่กล้าจะกลืนน้ำลาย โดยมีครั้งหนึ่งกลิ่นโชยออกไปห้องอื่น จนเจ้าของบ้านเคยมาเจรจา รูมเมทก็ยอมเก็บห้องอย่างสะอาด
ในห้องน้ำ รูมเมทคนนี้ก็ใช้กระดาษทิชชู่ และทิ้งผ้าอนามัยแบบสอดจนล้นถัง โดยไม่สนใจจะเก็บ ทำให้มีกลิ่นสาบทั้งห้อง วานนี้ตนทนไม่ไหว ต้องหอบผ้าห่มออกมานอนที่โซฟา ทั้งฉีดสเปย์ แสดงกริยาว่าทนไม่ไหว แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ปรับปรุง
ล่าสุด ตนตัดสินใจคุย เขาก็อ้างว่าตัวเขาเองไม่ได้กลิ่น ตนก็บอกว่าเดี๋ยวช่วยเก็บได้ เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ตนเข้าไปในห้อง กลิ่นและสิ่งของทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิม และเขายังพูดว่ากลิ่นที่เกิดขึ้นอาจจะมาจากผ้าห่ม ซึ่งเขาก็โทษเจ้าของบ้านว่าไม่เคยมาเปลี่ยน
หลังจากนี้ ตนก็ต้องทนอยู่ไปก่อน ซึ่งกลิ่นก็ยังเหมือนเดิม เวลาเปิดประตูลมมันตีอัดหน้าทันที “มันคือกลิ่นแรกในชีวิต” ขนาดอุดจมูกยังได้กลิ่น จากนั้น ช่วงสิ้นปีตนจะเดินทางกลับไทยช่วงปิดเทอม และตั้งใจจะย้ายออกจากบ้านนี้แล้ว
ชาวเน็ตตะลึง CEO ของ Huawei ก็ใช้ iPad ของ Apple
เว็บไซต์ nextshark.com รายงานเรื่องราวชวนน่ารักของคู่แข่งทางการค้า 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Huawei กับ Apple ที่แม้ในโลกธุรกิจจะฟาดฟันกันดุเดือด แต่ในการใช้ชีวิตจริงกับไม่เป็นอย่างนั้น หลังมีคนมือไวถ่ายภาพ เหริน เจิ้งเฟย (Zhengfei Ren) CEO ของ Huawei ระหว่างตรวจกระเป๋าสัมภาระก่อนขึ้นเครื่อง พบว่าเขาก็ใช้ IPAD ของ Apple เช่นเดียวกับคนนับล้านบนโลกนี้
รายงานของSouth China Morning Post ถ่ายทอดคำให้สัมภาษณ์ของ เจิ้งเฟย เมื่อต้นปีนี้ เขาบอกว่า ลูกสาวของเขา ชอบผลิตภัณฑ์ของ Apple มากกว่าหัวเว่ย
“หมายความว่าพวกเขาไม่รัก Huawei หรือเปล่า แน่นอนว่าไม่ใช่… iPhone มีระบบอีโค่ซิสเต้มที่ดี และเมื่อครอบครัวของผมอยู่ต่างประเทศผมยังคงซื้อไอโฟน ดังนั้นใครที่คิดว่ารัก Huawei ไม่ได้หมายความว่ารักโทรศัพท์ Huawei”
“แอปเปิ้ลเป็น บริษัท ชั้นนำของโลก” Ren Zhengfei บอกบลูมเบิร์ก “ หากไม่มีแอปเปิ้ลก็จะไม่มีอินเทอร์เน็ตบนมือถือ หากไม่มีแอปเปิ้ลที่จะช่วยแสดงให้โลกเห็นเรา เราจะไม่เห็นความงามของโลกนี้ Apple เป็นครูของผม – เขาก้าวนำเรา ในฐานะนักเรียนผมจะคัดค้านครูของฉันทำไม ผมจะไม่ทำอย่างนั้น”
แม้ว่าการแสดงความคิดของ เจิ้งเฟย อาจเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม แต่การใช้ Apple เองกลับไม่ได้รับการส่งเสริมหรือยอมรับในตัวบริษัทหัวเว่ยเอง โดยปีก่อนหน้านี้พนักงานสองคนหัวเว่ยถูกลดระดับและลดเงินเดือน จากการ tweet ข้อความจาก iPhones
ในเวลาต่อมามีความคืบหน้าจากหน่วยซีล ที่ได้ค้นหาเข้าถ้ำถึงบริเวณ 3 แยก ทำให้เหลือระยะทางเพียง 1.3 กิโลเมตรจะถึงจุดพัทยาบีช ซึ่งคาดการณ์ว่าทีมหมูป่า หลบอยู่ภายในนั้น
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป